ปฐมบท – คราฟต์เบียร์ (Craft Beer) คืออะไร 61

by Admin


Posted on 11-10-2023 02:03 PM



28 ภาษา català עברית magyar บทความ อภิปราย เครื่องมือ เครื่องมือ ย้ายเมนูไปที่แถบด้านข้าง ซ่อน อ่าน ทั่วไป หน้าที่ลิงก์มา การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวโยง อัปโหลดไฟล์ หน้าพิเศษ ลิงก์ถาวร สารสนเทศหน้า อ้างอิงบทความนี้ get shortened url พิมพ์/ส่งออก คราฟต์เบียร์ ( อังกฤษ : craft beer) หรือ เบียร์ฝีมือ เป็น เบียร์ ที่ผลิตโดยโรงเบียร์ขนาดเล็ก หรือ โรงเบียร์ฝีมือซึ่งเป็นโรงเบียร์ที่ผลิตเบียร์ในปริมาณน้อย และส่วนใหญ่เป็นโรงเบียร์ของผู้ประกอบการรายย่อย ในการทำ การตลาด ของคราฟต์เบียร์จะอยู่ในรูปของเบียร์เฉพาะถิ่น หรือเฉพาะรสชาติ หรือแม้แต่เทคนิคในการหมักเบียร์ที่ไม่ซ้ำกับเบียร์ทั่วไป โรงเบียร์ขนาดเล็กเริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาและในสหราชอาณาจักรในช่วงปี 1970s ถึงแม้ว่าเบียร์พื้นถิ่นจะนิมีการผลิตมานานกว่าร้อยปีก็ตาม หลังจากที่เริ่มมีความนิยมในคราฟต์เบียร์นั้นเริ่มมีการขยายตัวของคราฟต์เบียร์ไปตาม ผับ ที่จะเป็นสถานที่ที่สามารถหาเบียร์เฉพาะนั้นได้จากร้านใดร้านหนึ่งโดยเฉพาะ คราฟต์เบียร์ในประเทศไทย[ แก้ ] การผลิตคราฟต์เบียร์ขายในประเทศไทยยังเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ยากและไม่สามารถจำหน่ายให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ได้ ทำให้ผู้ผลิตรายย่อยต้องการผลักดันในการร่างแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต เพื่อสามารถผลิตและจำหน่ายคราฟต์เบียร์ได้ ภายใต้ชื่อเรียก " ร่าง พ. ร. บ. location สุราก้าวหน้า" โดยไม่กำหนด ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ และไม่กำหนดกำลังการผลิตต่อปี เป็นต้น ในประเทศไทยมีโรงเบียร์ ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด เป็นโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับผลิตคราฟต์เบียร์ส่งจำหน่ายในลักษณะของ oem ที่ผลิตในโรงงานและใช้ชื่อตามที่ผู้จัดจำหน่ายต้องการ โดยคราฟต์เบียร์ที่เป็นที่รู้จัก อาทิ phitlok ipa, taopiphop (เท่าพิภพ) ราเวน, มหานคร, เชียงใหม่, ภูเก็ต, พัทยา, หัวหิน เป็นต้น โดยคราฟต์เบียร์ไทย ได้รางวัลระดับนานาชาติ หลายแบรนด์ อาทิ m๓๒ ipa, ราเวน, มหานคร อ้างอิง[ แก้ ] คราฟต์เบียร์ คืออะไร คราฟต์เบียร์ พร้อมตอบทุกข้อสงสัย คราฟเบียร์ไทย bock.

บุกหลังบาร์ของคราฟต์เบียร์ ( craft beer) คืออะไร พร้อมตอบทุกข้อสงสัย คราฟต์เบียร์ ‘craft beer’ ไม่ใช่เสียงขานรับของคนที่เรียกชื่อ (ค้าบเบียร์) แต่เป็นเบียร์ประเภทหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้ดื่มทั่วโลก วันนี้กระผมนาย thomas จะพาทุกคนไปท่องโลกแห่งคราฟต์เบียร์ เหมือนไปบุกหลังบาร์เลยล่ะครับ เริ่มตั้งแต่ทำความรู้จักว่าคราฟต์เบียร์คืออะไร แล้วมันต่างจากเบียร์สดหรือเบียร์ขวดทั่วไปอย่างไร พร้อมเรื่องต่าง ๆ อีกมากมายที่เหล่าคอเบียร์ห้ามพลาด.

Craft beer 101 คัมภีร์คราฟต์เบียร์ฉบับมือใหม่หัดดื่ม นักดื่มมือฉมังหลายคนคงรู้จัก ‘คราฟต์เบียร์’ เป็นอย่างดี แต่สำหรับมือใหม่หัดดื่ม อาจจะเกิดอาการสงสัยเล็กน้อยว่า คราฟต์เบียร์คืออะไร แตกต่างจากเบียร์ปกติอย่างไร วันนี้เรามีคัมภีร์ craft beer 101 ฉบับรวบรัดมาฝาก ความหมายตรงไปตรงมาของ ‘คราฟต์เบียร์’ craft beer – คราฟต์เบียร์ เป็นเบียร์ที่เกิดจากผู้ผลิตรายเล็ก ทำให้การผลิตเบียร์มีจำกัด แต่มีอิสระในการผลิตมากกว่า โดยเฉพาะการหมักเบียร์ที่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีดั้งเดิม แถมยังลงมือผลิตด้วยตัวเอง ให้สมกับเป็นเบียร์ทำมือ ตั้งแต่หมัก บรรจุลงขวด และส่งขายเอง ฯลฯ แต่อย่างเพิ่งเข้าใจผิดว่า เบียร์ที่ผลิตขึ้นเองตามบ้านจะเป็นคราฟต์เบียร์ทั้งหมด เพราะในวัฒนธรรมอเมริกาจะมีการต้มเบียร์ดื่มเองในบ้าน ทั้งสำหรับดื่มเองหรือชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ ซึ่งจะเรียกเบียร์ประเภทนี้ว่า homebrew แต่หากเป็นคราฟต์เบียร์อย่างน้อยจะผลิตมาจาก ‘โรงเบียร์ขนาดเล็ก’ ที่มีปริมาณเพียงพอในการวางจำหน่าย แต่ต้องไม่เกิน 7 ร้อยล้านลิตรต่อปี.

Craft beer หรือคราฟต์เบียร์ หากเอ่ยถึงเครื่องดื่มชนิดนี้เรามักจะนึกไปถึงเบียร์ฉบับโฮมเมดที่มีหลากหลายรสชาติ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สุดเก๋ของแพคเกจจิ้ง รวมไปถึงเรื่องเล่าที่ชวนฟัง ซึ่งในปัจจุบันเบียร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าจะมีการผลิตเพิ่มมากขึ้น มีโรงเบียร์คราฟต์ในต่างประเทศผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มมีการทำคราฟต์เบียร์กันมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่แพร่หลายเท่าใดนัก เราจะเห็นคราฟต์เบียร์รูปแบบใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นทุกปี เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นนักดื่มเบียร์ตัวยง ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองสักครั้ง ใครที่อยากรู้จักกันให้มากขึ้นแล้วล่ะก็ ชวนมาเจาะลึกข้อมูลเหล่านี้ไปพร้อมกันได้เลย คราฟต์เบียร์(craft beer) คืออะไร? ก่อนอื่นต้องรู้จักกับส่วนผสมของคราฟต์เบียร์กันก่อนว่ามีอะไรเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้จะมียีสต์ เป็นตัวทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือแอลกอฮอล์ และมอลต์ที่ได้มาจากแป้ง เมื่อเกิดการหมักจะกลายเป็นน้ำตาล ซึ่งทำงานร่วมกับยีสต์ได้ออกมาเป็นแอลกอฮอล์ มีการเติมสิ่งที่เรียกว่า hops หรือ “ฮ็อปส์” เป็นพืชชนิดหนึ่ง โดยมีเอกลักษณ์คือ ความหอมเฉพาะตัว มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ รสชาติและกลิ่นจะแตกต่างกัน แถมยังเป็นตัวช่วยหลักที่ช่วยทำให้เบียร์เก็บได้นานขึ้น และส่วนผสมสุดท้ายก็คือน้ำ เป็นองค์ประกอบมากกว่า 95% และไม่ใช่ว่าจะใช้น้ำอะไรก็ได้ เหล่าคนทำคราฟต์เบียร์จะต้องคำนึงถึงรสชาติของน้ำ แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำนั้นด้วย ซึ่งมีผลต่อกลิ่นและรสสัมผัสของ เบียร์ ถ้าหากจะหาคำจำกัดความของคราฟต์เบียร์นั้นอาจจะดูไม่ง่ายนัก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการผลิตของแต่ละคน เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้เต็มไปด้วยความหมายที่หลากหลายสำหรับคอเบียร์ที่หลงใหลการชิมรสชาติเบียร์ใหม่ ๆ ที่อยู่นอกเหนือระบบอุตสาหกรรม เป็นศาสตร์และศิลป์ที่ใส่ใจกันตั้งแต่วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ และเวลาในการหมัก นักคราฟต์ทั้งหลายจึงต้องผ่านการทดลองแบบผิด ๆ ถูก ๆ กว่าจะได้เบียร์ที่มีรสชาติดีที่สุดออกมา จึงไม่แปลกหากเราจะเห็นว่าเบียร์ในกลุ่มนี้จะมีราคาสูงกว่าเบียร์อุตสาหกรรม.

5 Steps การทำ คราฟต์เบียร์ (Craft Beer)

28kread “พี่สนใจทำเบียร์กุหลาบไหม” เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ผู้หลงใหลการทำ ‘คราฟต์เบียร์’ เอ่ยปากถามผู้เขียน เขาผู้นี้ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมีโอกาสผลิตคราฟต์เบียร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายเมืองไทย คราฟต์เบียร์ (craft beer) คือการผลิตเบียร์โดยโฮมเมดรายเล็กที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผู้ผลิตต้องใช้ฝีมือความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงรสเบียร์ให้มีความหลากหลายของรสชาติ และที่สำคัญต้องแต่งกลิ่นตามธรรมชาติ ห้ามใช้สารเคมีมาแต่งกลิ่นเด็ดขาด “กลีบกุหลาบ ทำเบียร์ได้ด้วยหรือ” ผมถามในฐานะผู้ปลูกกุหลาบอินทรีย์รายเล็กๆ แถวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ “ได้สิ คราฟต์เบียร์สามารถดัดแปลงส่วนประกอบทุกอย่างในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม ให้เกิดกลิ่น รสใหม่ๆ ของเบียร์ เราสามารถสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ๆ ได้ ไม่มีข้อจำกัด” คราฟต์เบียร์แตกต่างจากเบียร์เยอรมันที่เรารู้จักดี ในประเทศเยอรมนีมีกฎหมายฉบับหนึ่งระบุว่า เบียร์ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีจะต้องใช้องค์ประกอบหลัก 4 อย่างเท่านั้นคือ “มอลต์ ฮอปส์ ยีสต์ และน้ำ” กฎหมายฉบับนั้นคือ ‘reinheitsgebot’ (german beer purity law) หรือกฎหมายแห่งความบริสุทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการผลิตเบียร์ไปสู่ยุคใหม่ กฎหมายนี้เริ่มขึ้นในแคว้นบาวาเรีย เมื่อ ค. situation ศ. 1516 โดยได้ตั้งค่ามาตรฐานว่า เบียร์ที่ผลิตในเยอรมนีจะต้องทำจาก น้ำ ข้าวบาร์เลย์ที่เพิ่งงอกหรือมอลต์ และดอกฮอปส์ เท่านั้น กฎหมายฉบับนี้ในอดีตจึงถูกเรียกว่า 1516 bavarian law ส่วนยีสต์เกิดขึ้นภายหลังจากการค้นพบวิธีพาสเจอร์ไรซ์ กฎนี้ยังตกทอดมาสู่การผลิตเบียร์ในเยอรมันเกือบทุกบริษัท ดังนั้น เราจึงไม่เห็นเบียร์ที่ทำจากข้าวสาลี หรือเบียร์รสสตรอว์เบอร์รี ในเยอรมนี เพราะไม่ใช่มอลต์ ในขณะที่คราฟท์เบียร์ สามารถสร้างสรรค์ แต่งกลิ่นจากวัสดุตามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ไม่มีข้อจำกัด เพื่อนคนนี้กล่าวต่อว่า “บ้านเรามีความหลากหลายของผลไม้ ดอกไม้เยอะมาก ตอนนี้เราจึงเห็นคราฟต์เบียร์หลายชนิดที่วางขายมีกลิ่นอ่อนๆ ของบ๊วย ส้ม มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ” เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองแอชวิล ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา gary sernack นักปรุงคราฟต์เบียร์ ได้สร้างสรรค์เบียร์ ipa ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘แกงเขียวหวาน’ ของคนไทย โดยแต่งกลิ่นจากส่วนประกอบของแกงเขียวหวาน คือ ใบมะกรูด ตะไคร้ มะพร้าวเผา ขิง ข่า และใบโหระพา จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ipa เป็นประเภทของเบียร์ชนิดหนึ่ง มีดีกรีแอลกฮอล์สูงกว่าเบียร์ธรรมดา ipa หรือ india pale ale เกิดจากเบียร์ pale ale ที่ได้รับความนิยมมากในยุคอังกฤษล่าอาณานิคมและเริ่มส่งเบียร์ไปขายในอินเดีย แต่เนื่องจากระยะเวลาการเดินทางบนเรือนานเกินไป เบียร์จึงบูดเน่า ต้องเททิ้ง ผู้ผลิตจึงแก้ปัญหาด้วยการใส่ฮอปส์และยีสต์มากขึ้นเพื่อยืดอายุของเบียร์  ทำให้เบียร์มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น กลิ่นฮอปส์มีความโดดเด่น และเบียร์ก็มีสีทองแดงสวยงาม จนกลายเป็นว่าได้รับความนิยมมาก.

คราฟต์เบียร์ (craft beer) คือ การทำเบียร์ที่เกิดจากผู้ผลิตรายเล็ก ที่ต้องใช้ความพิถีพันถันในการผลิต ทำให้เบียร์มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติ 3 อย่างที่กำหนดโดย brewers association ดังนี้ 1. Small – โรงเบียร์ขนาดเล็ก มีกำลังการผลิตไม่เกิน 6 ล้านบาร์เรล / ปี (ประมาณ 700 ล้านลิตร) 2. Independent – เจ้าของเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่า 75% (independent) 3. Traditional – ใช้วัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด.

สืบเนื่องมาจากข่าวเกี่ยวกับการจับกุมคนที่ทำเบียร์ขายเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งค่อนข้างเป็นข่าวฮือฮาในวงการเบียร์บ้านเรา แอดมินขออนุญาตนำเสนอเกร็ดความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับกฏหมายในการทำเบียร์ ซึ่งเขียนแปะกันทั่วไปใน facebook เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ชอบเบียร์ เข้าใจว่ามาจากคุณ artid sivahansaphan และ เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับการทำเบียร์ จากเพจ “จะดีเสียก็เบียร์กู” ซึ่งเขียนไว้ได้ดีมากและเข้าใจง่ายมาก มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ส่วนตัวแอดมินมองว่าเจ้าหน้าที่สรรพสามิตรและตำรวจเค้าก็ทำถูกต้องตามหน้าที่ของเค้า แต่ดูจากสีหน้าของเจ้าหน้าที่ในภาพข่าวแล้ว แอดมินว่าเจ้าหน้าที่ก็คงมีอารมณ์อยากชิมเบียร์ที่เค้าปรุงบ้างแหละน่า (ใช่มะใช่มะ) หรือจริงๆแล้วกฏหมายไทยควรจะเอื้อให้การทำเบียร์กินเองหรือขาย เป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฏหมายกันแน่ครับ จริงๆ เท่าที่ผมเคยลองชิม craft beer ในบ้านเรามาบ้าง พบว่ามีหลายเจ้าทำได้ดีเลย แต่มีอีกหลายเจ้าเป็นจำนวนมากกว่าที่ยังต้องปรับปรุงอีกหลายๆด้าน อย่างไรก็ดี ผมเห็นว่าเราควรจะมีทางเลือกในการดื่มเบียร์ มากกว่าเบียร์ที่มีอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ผมจึงสนับสนุนให้การผลิต craft beer ไทย เป็นเรื่องถูกกฏหมายง่ายกว่าเงื่อนไขเดิมที่เป็นอยู่ครับ สุดท้ายหากเห็นด้วยผมขออนุญาตฝาก link ใน change. Org ที่มีคนได้ทำขึ้นไว้แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ละกันครับ #ผมชอบเบียร์ บทความจากคุณ artid sivahansaphan "ก็อปมาจ้าา เครดิตด้านล่าง #ผมชอบเบียร์ เห็นข้อมูลเรื่องกฏหมายการทำเบียร์ที่โพสข้างล่างเขียนไป ขอถือวิสาสะเขียนอธิบายคร่าวๆนะครับ จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน ประเทศไทยอนุญาตให้ทำเบียร์ได้ถูกกฏหมายได้แค่ 2 แบบ แบบแรกคือ ทำ brewpub นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงเข้าไว้ครับ นั่นล่ะ brewpub ประเภทนี้ประเทศเรากำหนดให้มีกำลังการผลิตขั้นต่ำ 1 แสนลิตรต่อปี แต่ไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี รายละเอียดปลีกย่อยยั้วเยี้ยขอข้ามไป ไอ้ประเภทว่าห้ามบรรจุขวด ห้ามใส่โถใส่ถังเอาไปจำหน่ายนอกร้าน ก็บังคับใช้กับบริวผับบ้านเรา อยากดื่ม ดื่มได้แค่ในร้าน แบบที่สองคือ โรงเบียร์ขนาดใหญ่ ต้องมีกำลังการผลิตอย่างน้อย 10 ล้านลิตรต่อปี จำนวนมหาศาลขนาดนี้ นึกถึงพวกสิงห์ช้างไปเลย ดังนั้นบ้านเราจึงไม่มีที่ว่างให้ microbrewery ขนาดเล็กครับ บางประเทศกำหนดแค่ 2 หมื่นลิตรต่อปีก็ทำได้แล้ว แต่ประเทศเรา 10 ล้านลิตรครับ อ้วกแตกกันไป อยากต้มเบียร์เป็นบริวผับยังต้องทำ 1 แสนลิตรขั้นต่ำ มหาศาลมากๆครับ ส่วนคราฟต์เบียร์ไทยที่ทุกท่านดื่มกันทุกวันนี้ ร้อยละ 80 % คือของผิดกฏหมายครับ เพราะการทำ homebrew เป็นสิ่งผิดกฏหมายในประเทศนี้ ถ้าต้มเฉยๆโดนปรับ ต้มแล้วขายปรับหนักกว่า คราฟต์เบียร์ไทยที่ทุกท่านดื่มทุกวันนี้ ตัวไหนไม่มีสแตมป์แปะ มันคือของเถื่อนครับ ไอ้อีก 20 % ที่เหลือคือคนทำคราฟต์เบียร์ไทยที่ต้องถ่อไปต้มเบียร์ที่ต่างประเทศครับ แล้วค่อยนำเข้ามาขายอย่างถูกกฏหมาย ติดสแตมป์ ทำเรื่องนำเข้า เสียภาษีมหาโหด พวก sandport / happy new beer / มหานคร / stone head พวกนี้คืออดีตของเถื่อนที่ไปทำแบบถูกกฏหมายแล้ว.

คอร์สเรียน “ craft brewing workshop “ เรียนรู้จริง สอนไม่กั๊ก เน้นปฏิบัติ ทำจนเป็น hop beer house korat ตกผลึกการเรียนการสอนด้วยประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยม ได้ออกแบบคอร์สเรียนทำเบียร์ ที่จะสอนให้คุณนั้นได้เป็นว่าที่บริวเวอร์น้องใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้อะไรเลย คุณก็สามารถมาเรียนรู้ได้ จนทำให้คุณสามารถทำ craft beer ได้ด้วยตัวเอง เพราะ คอร์สเรียนทำเบียร์นี้เราจะปูพื้นฐานให้ทุกท่านได้รู้ทันข้อกำหนดกฎหมาย, รู้ลึกในเรื่อง , แนวทางธุรกิจคราฟต์เบียร์อันน่าสนใจ อีกทั้งยังให้ทุกท่านได้เรียนรู้ทุกกระบวนการทำคราฟต์เบียร์ด้วยตัวเอง ทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ ipa, weizen, dunkel, honey blone, check plisner และคราฟต์เบียร์กัญชา โดยเป็นการทำเบียร์แบบ all grain ด้วยหม้อก๋วยเตี๋ยว(biab), mashing tun, หม้อต้มไฟฟ้า อีกทั้งยังสอนในเรื่องของหลักการทำเบียร์ผลไม้ เบียร์ข้าวหอมมะลิ เป็นต้น อีกทั้งยังไม่พอทาง hop beer house korat ยังสอนจนถึงการบรรจุเบียร์ลงขวด และวิธีเก็บรักษาไม่ให้เบียร์เกิดความเสียหาย ในคอร์สเรียนนี้ทุกๆท่านก็จะได้ชิมคราฟต์เบียร์ทุกชนิดภายในร้าน hop beer house korat แบบไม่กั๊ก craft beer โดยปกติหมายถึง เบียร์ที่ผ่านการกลั่นจากผู้กลั่นอิสระรายเล็ก แต่จริงๆแล้วคอนเซปต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคราฟต์เบียร์ ก็คือ นวัตกรรมสร้างสรรค์ของเบียร์แบบทำมือ ความโดดเด่นของคราฟต์เบียร์ ที่ทำให้มาแรงในหมู่นักดื่มก็คือ ผลจากการทดลองสร้างสรรค์ใหม่ๆ จนสร้างเบียร์พรีเมี่ยมคุณภาพสูง ให้กับนักดื่ม ตอบสนองความคาดหวังที่ เนื่องจากผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ส่วนมากไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ การขยับตัวทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ จึงทำได้ง่าย การสร้างสรรค์เบียร์ที่มีกลิ่นและรส เป็นเอกลักษณ์ นี่แหละที่สุดยอดและทำให้หลายๆ คนติดใจ ในรสสัมผัส (แหล่งข้อมูลอ้างอิง: https://shorturl. Asia/unw0x) hop beer house korat ยังสอดแทรกกิจกรรมดีๆเข้าไปในคอร์สนี้ให้ทุกท่านได้ละลายพฤติกรรม ได้ทำความรู้จักกัน สานต่อคอนเนคชั่นทางธุรกิจ และมิตรภาพ สนทนาในเรื่องของเบียร์กันแบบสนุกสนาน กับกิจกรรม after party ที่จะมีเครื่องดื่มคราฟต์เบียร์ และอาหารไม่อั้นตลอดกิจกรรม รวมถึงบางรุ่นอาจจะมีกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์จากทาง เซฟโจ ที่จะบินมาจากต่างประเทศมาโชว์ทักษะการรังสรรค์เมนูอาหาร โดยในอาหารจะมีคราฟต์เบียร์เป็นส่วนผสมในเมนูอาหาร bear pairing และยังสอนในเรื่องการเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารด้วยการจัดจาน และจะได้ให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการลองรังสรรค์เมนูอาหาร ภายใต้โจทย์ ต้องนำคราฟต์เบียร์มาเป็นส่วนผสมในเมนูอาหาร ที่จะมีเซฟโจคอยควบคุม และให้ความรู้ ชี้แนะแนวทางในเรื่องของวัตถุดิบที่เข้า หรือไม่เข้ากัน แต่กิจกรรมจากเซฟโจนี้จะมีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น.